Sign-In form
ลืม password
|
สมัครสมาชิก
ID / Email
userId or email
Password
security password
4life Immunity
0816516654
หน้าแรก
ลงชื่อเข้าใช้
สร้างบัญชีผู้ใช้ใหม่
Your shopping cart
ไม่มีสินค้าในตะกร้าของคุณ
พระเครื่องและวัตถุมงคล (Amulet)
พระเครื่องamuletหลวงปู่ทิม วัดละหารไร่
พระเครื่องamuletหลวงพ่อฤาษีลิงดำ วัดท่าซุง
พระเครื่องamuletคุณแม่บุญเรือน โตงบุญเติม
พระเครื่องamuletหลวงปู่หลิว วัดไร่แตงทอง
พระเครื่องamuletพระจตุคามรามเทพ
พระเครื่องamuletหลวงพ่อพรหม วัดขนอนเหนือ
พระเครื่องamuletหลวงปู่โต๊ะ วัดประดู่ฉิมพลี
พระเครื่องamuletภาคเหนือ
พระเครื่องamuletภาคกลาง
พระเครื่องamuletภาคอีสาน
พระเครื่องamuletภาคตะวันออก
พระเครื่องamuletภาคใต้
พระเครื่องamuletตะกรุด เครื่องรางของขลัง
พระเครื่องamuletสายอุณมิลิต
สินค้าหัตถกรรม(Hand made)
วัตถุมงคลเอามาโชว์
บทความทางการแพทย์
ระบบภูมิคุ้มกัน คืออะไร?
รังสีรักษา คืออะไร?
คำเตือนล่าสุดจากห้องวิจัย
ข้อสังเกตอาการของมะเร็งชนิดต่างๆ
อาหารก่อมะเร็งภัยร้ายในความอร่อย
แพทย์เชียงใหม่พบยารักษามะเร็งปอด
อินเตอร์ลูคิน-2 interleukin-2 (lL-2)
กลูตาไธโอน(Glutathione)ดีต่อผู้ป่วยมะเร็งและเอดส์
ข้าวกล้องงอกดีต่อผู้ป่วยมะเร็ง
น้ำมันรำข้าวจมูกข้าวมีประโยชน์จริงหรือ?
มารู้จักเม็ดเลือดขาวกันเถอะ
ความรู้เบื้องต้นของระบบภูมิคุ้มกัน
กระดูกพรุน ข้อต่อและคอลลาเจน
มะเร็งต่างๆ
เรื่องของมะเร็ง
พบก่อน รักษาก่อน
การตรวจหายีนโรคมะเร็ง
มะเร็งปากมดลูก
มะเร็งที่ศีรษะและลำคอ
มะเร็งลำไส้และทวารหนัก
มะเร็งปอด
มะเร็งตับและท่อน้ำดี
Natural Killer Cell คืออะำไร
แนวทางการรักษาใหม่เพิ่ม N.K.Cell กำจัดมะเร็ง
ระบบภูมิคุ้มกันและสารปรับภูมิคุ้มกัน
อาหารของมะเร็งคืออะไรบ้าง?
เรื่องของเอดส์(ภูมิคุ้มกันบกพร่อง)
อาหารสำหรับผู้ป่วยเอดส์ และอาหารที่ควรหลีกเลี่ยง
สารอาหารกับโรคเอดส์ (Nutrients and AIDS)
การดูแลผู้ป่วยเอดส์อย่างถูกวิธี และการป้องกันตัวเอง
โภชนาการสำหรับผู้ติดเชื้อ HIV
การรับประทานอาหารเสริม สำหรับผู้ติดเชื้อและผู้ป่วยเอดส์
ข่าวสารเพิ่มเติม
รวมเรื่องผู้หญิงผู้หญิง
นานาสาระเก็บมาเล่า
รวมเรื่องตับอักเสบ
สอบถาม
ข่าวสารสาระ
คอลลาเจน คืออะไร?
น้ำมันจมูกข้าวรำข้าว
น้ำมันจมูกข้าวรำข้าวคืออะไร?
ประโยชน์ของน้ำมันจมูกข้าวรำข้าว
ผลการใช้ผลิตภัณฑ์น้ำมันจมูกข้าวรำข้าว
ความรู้เรื่องฮอร์โมนอินซูลินและเบาหวาน
สินค้าราคาพิเศษ
เสื้อยืด T-shirt กางเกง แฟชั่น Fashion
Helmet Dog หมวกกันน็อค สุนัข แมว
FanPage:Shopzeza.com
4life Immunity
เจ้าของ:
4life
จำนวนสินค้า
1,060
เยี่ยมชม
2,440,529
เยี่ยมชมวันนี้
519
ขอเป็นสมาชิก
วิธีการชำระเงิน
ติดต่อเรา
เกี่ยวกับเรา
Site Home
|
การรับประทานอาหารเสริม สำหรับผู้ติดเชื้อและผู้ป่วยเอดส์
การรับประทานอาหารเสริม สำหรับผู้ติดเชื้อและผู้ป่วยเอดส์
วันที่: 11-09-2011
การรับประทานอาหารเสริม สำหรับผู้ติดเชื้อและผู้ป่วยเอดส์
การเสริมอาหารเช่นวิตามินและแร่ธาตุต่างๆนั้นมีประโยชน์อย่างมากทั้งผู้ที่ ได้รับเชื้อ HIV และผู้ป่วยโรคAIDS มีการทดลองที่พบว่า ในผู้ได้รับเชื้อเพศชายที่ได้รับวิตามินและเกลือแร่เสริมนั้น มีอาการแสดงโรคเอดส์ช้ากว่าผู้ที่ไม่ได้รับวิตามินและเกลือแร่เสริม แต่ในการทดลองในผุ้ที่ได้รับเชื้อหญิงชาวแทนซาเนียที่กำลังตั้งครรภ์และ กำลังให้นมบุตร ไม่พบว่ามีผลใดๆต่ออัตราการติดเชื้อจากแม่ไปสู่ลูก ทั้งระหว่างอยู่ในครรภ์ และ ขณะคลอดหรือจากการให้น้ำนม
ภาวะการขาด ซีลีเนียมนั้นเป็นตัวแปรหนึ่งที่พบว่าเกี่ยวข้องกับอัตราการตายของผู้ติด เชื้อเป็นอย่างมาก พบว่าผู้ที่ได้รับซีลีเนียมเสริมนั้นจะเป็นโรคติดเชื้อน้อยกว่าผู้ที่ไม่ได้ รับซีลีเนียมเสริม นอกจากนี้ ซีลีเนียมยังช่วยทำให้ระบบการทำงานของหัวใจและลำไส้ดีขึ้น และช่วยกระตุ้นความอยากอาหารด้วย ปริมาณที่ควรได้รับคือ 400 ไมโครกรัมต่อวัน
ภาวะการขาดซีลีเนียมนั้นมักพบในผู้ติดเชื้อ HIVที่มีภาวะหัวใจทำงานผิดปกติร่วมด้วยมากกว่าผู้ติดเชื้อที่มีร่างกายทำงาน ปกติ ซึ่งถ้าได้รับซีลีเนียมเสริมจะช่วยให้หัวใจทำงานดีขึ้นได้ เคยมีรายงานในระดับต้นรายงานว่า ผู้ติดเชื้อ HIV ที่พบว่ามีภาวะหัวใจทำงานบกพร่องและขาดซีลีเนียม ซึ่งได้รับการให้ ซีลีเนียมเพิ่มเป็น800 ไมโครกรัมต่อวันติดกันครึ่งเดือนแล้วตามด้วยวันละ400ไมโครกรัมต่อกันอีกแปด วันจะมีอาการของโรคหัวใจดีขึ้น อย่างไรก็ตาม การทานซีลีเนียมเกิน200ไมโครกรัมต่อวันจะต้องมีการให้แพทย์ติดตามการใช้ยา ด้วย
amino acid, N-acetyl cysteine (NAC), ได้มีการศึกษาพบว่าสามารถยับยั้งการแบ่งตัวของ HIVในหลอดทดลองได้ และมีการทดลองแบบ ดับเบิลไบลนด์ไทรอัลในมนุษย์แล้วพบว่า ผู้ติดเชื้อที่ได้รับ NACวันละ แปดร้อยมิลลิกรัมต่อวันนั้นจะแสดงให้เห็นว่ามีการเสื่อมลงของระบบภูมิคุ้ม กันช้ากว่าผู้ไม่ได้รับ NAC แล้วนอกจากนี้ NAC ยังช่วยส่งเสริมในการสร้างกลูตาไทโอนซึ่งเป็นสารต้านอนุมูลอิสระซึ่งเชื่อ กันว่าจะช่วยปกป้องร่างกายของผู้ติดเชื้อHIVและผู้ป่วยเอดส์ได้
การ ให้ กลูตามีน อาร์จีนีน และ ไฮดรอกซีเมทิลบิวทีเรตซึ่งเป็นอนุพันธ์ของกรดอะมิโนร่วมกันนั้นพบว่า สามารถป้องกันการสูญเสียมวลกล้ามเนื้อของผู้ติดเชื้อได้ ได้มีการทดลองแบบดับเบิลไบลนด์พบว่า ในผู้ป่วยสองกลุ่มที่มีภาวะเดียวกัน กลุ่มนึงได้รับอาหารเสริมกับสารอาหารหลอก อีกกลุ่มหนึ่งได้รับอาหารเสริมกับสารผสม HMB 1.5 g ,l-argenine 7 g และ l-glutamin 7 g พบว่าในกลุ่มแรกนั้นมีน้ำหนักตัวเพิ่มมา 0.37ปอนด์ แต่ว่ามีมวลกล้ามเนื้อลดลง( แสดงว่าที่เพิ่มมาส่วนมากเป็นไขมัน) ส่วนในกลุ่มที่สองที่ได้รับ HMB 1.5 g ,l-argenine 7 g และ l-glutamin 7 g มีน้ำหนักตัวเพิ่มเฉลี่ย 3 ปอนด์และ เป็นน้ำหนักของกล้ามเนื้อ ถึง ประมาณ 2.55 ปอนด์ ( ราวๆ แปดสิบห้าเปอร์เซนต์)
ได้มีการศึกษา ถึงการให้ยีสต์ที่ไม่ก่อให้เกิดโรคชื่อ Saccharomyces boulardii ( รู้จักทั่วไปในชื่อ บริวเออร์ยีสต์) ปริมาณ 1 กรัมวันละสามครั้ง พบว่าสามารถช่วยหยุดอาการท้องเสียในผู้ติดเชื้อ HIV ได้ แต่พบว่า ในผู้ที่มีภาวะภูมิคุ้มกันเสื่อมลงอย่างมากแล้ว อาจทำให้เกิดการติดเชื้อจากยีสต์ในกระแสเลือดได้ ดังนั้นผู้ติดเชื้อที่จะทานยีสต์ ควรปรึกษาแพทย์ก่อนทุกครั้ง
ในผู้ติดเชื้อที่มีระดับ dehydroepiandrosterone sulfate (DHEAS) ในเลือดต่ำมักจะมีอาการไม่ค่อยดี ซึ่งเราพบว่า dehydroepiandrosterone sulfate (DHEAS) ในปริมาณสูงนั้นจะช่วยลดความอ่อนเพลียและช่วยลดอาการซึมเศร้าได้ทั้งในผู้ ติดเชื้อเพศชายและเพศหญิง มีการทดลองในผู้ป่วยที่มีภาวะอารมณ์ไม่ดีและอ่อนเพลียโดยให้ dehydroepiandrosterone sulfate (DHEAS) วันละ สองร้อยถึงห้าร้อยมิลลิกรัมต่อวัน เจ็ดสิบสองเปอร์เซ็นต์พบว่า มีอารมณ์ที่ดีขึ้นมาก และแปดสิบเอ็ดเปอร์เซนต์ รู้สึกว่ามีพลังงานมากขึ้น แข็งแรงมากขึ้น แต่ไม่พบว่า DHEAS มีผลใดต่อระดับ CD4 และระดับฮอร์โมนเทสโทสเตอโรนในเลือด
การขาดวิตามินA เป็นอาการที่พบมากในผู้ติดเชื้อ HIV ซึ่งการที่มีระดับวิตามินเอต่ำนั้นจะทำให้มีโอกาสเป็นโรคร้ายแรงต่างๆเพิ่ม ขึ้น ทั้งยังเพิ่มอัตราการเสี่ยงของการติดเชื้อจากแม่สู่ลูกด้วย แต่อย่างไรก็ดี มีรายงานหนึ่งที่พบว่าผู้ติดเชื้อที่ได้รับวิตามินเอ 5000 IU ร่วมกับbetacarotene 50000 IUต่อวันในช่วงตั้งครรภ์ไตรมาสที่สาม(อายุครรภ์สิบสามสัปดาห์) มีอัตราที่ลูกจะติดเชื้อผ่านทางมารดาไม่ต่างกันกับผู้ติดเชื้อที่ไม่ได้ทาน วิตามินเอเสริม
มีงานวิจัยบางรายงานพบว่า การทานวิตามินเอเสริมนั้นจะช่วยลดการดำเนินไปของโรคได้ ในการทดลองหนึ่งในเด็กที่ติดเชื้อHIV โดยให้ทาน วิตามินเอสองแสนIU เป็นเวลาสองวันแล้วให้ Influenza vaccineตาม พบว่ามีอัตราไวรัลโหลดลดลงอย่างมีนัยสำคัญ แต่ก็มีงานวิจัยที่ทดลองให้ทานเฉพาะวิตามินเอขนาดสูง( สามแสนIU) วันละครั้ง พบว่าไม่ได้ช่วยเพิ่มผลของระบบภูมิคุมกันในหญิงที่เข้าร่วมการวิจัยนี้เลย
เบตาแคโรทีนนั้นก็เป็นอีกสารหนึ่งซึ่งพบว่ามีระดับต่ำลงในผู้ติดเชื้อ HIV แม้กระทั่งในผู้ที่ยังไม่มีอาการใดๆ งานวิจัยเกี่ยวกับเบตาแคโรทีนนั้นมีผลออกมาค่อนข้างขัดแย้งกันมีงานวิจัย อยู่สองงานซึ่งศึกษาว่าการให้เตาแคโรทีนวันละสามแสนIUมีผลต่อระดับ CD4หรือไม่ ซึ่งกลุ่มนึงพบว่าช่วยให้ระดับCD4สูงขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ แต่อีกกลุ่มนึงพบว่าไม่มีผลใดๆต่อระบบภูมิคุ้มกันเลย
ในผู้ติดเชื้อที่ขาดวิตามีนBนั้น พบว่าการให้ vitamin B complexเสริมนั้นจะช่วยทำให้ผู้ติดเชื้อมีอายุยืนขึ้น วิตามิน บีหนึ่ง(ไทอามีน) เป็นวิตามินที่ขาดกันประมาณหนึ่งในสี่ของผู้ติดเชื้อทั้งหมด ซึ่งจะทำให้การทำงานของระบบประสามผิดปกติไป ส่วนวิตามินบีหกซึ่งพบการขาดมากกว่าหนึ่งในสามของผู้ติดเชื้อทั้งหมดนั้นจะ ทำให้ระบบภูมิคุ้มกันเสื่อมลง ในผู้ติดเชื้อที่ได้รับวิตามินบีหกสูงกว่าระดับมาตรฐานมากกว่าสองเท่า( ระดับมาตรฐานเพศชาย=2 mg/day ในหญิง= 1.6 mg/day) พบว่าจะมีอัตราการรอดชีวิตสูงขึ้น
ระดับของโฟลิกแอซิด และวิตามินบีสิบสองก็พบว่ามีระดับต่ำลงในผู้ติดเชื้อHIVทั่วไป
Vitamin C นั้นพบว่า สามารถยับยั้งการแบ่งตัวของเชื้อ HIVได้ในการศึกษาในหลอดทดลอง การได้รับวิตามินซีขนาดสูงนั้นอาจจะช่วยทำให้ผู้ติดเชื้อเป็นโรคเอดส์ช้าลง ซึ่งมีหมอหลายคนได้ให้วิตามินซีขนาดสูงกับผู้ป่วยเอดส์ซึ่งพบว่าวิตามินซี ขนาดสูงนั้นช่วยต้านการติดเชื้อแทรกซ้อนได้เป็นอย่างดี รวมถึงมีการใช้วิตามินซีแบบแผ่นแปะในการรักษาโรคเริมและ Kaposi’s sarcomaในผู้ป่วยเอดส์ด้วย ซึ่งขนาดวิตามินซีที่ใช้นั้นจะต่างกันไป อยู่จั้งแต่ 40-185 กรัมต่อวัน ซึ่งการได้รับวิตามินซีสูงขนาดนี้จะต้องได้รับการเฝ้าระวังจากแพทย์ด้วย
จากการศึกษาในหลอดทดลองพบว่า วิตามินE มีผลในการช่วยเพิ่มประสิทธิภาพของยาต้านไวรัส AZT โดยช่วยลดความเป็นพิษของยานี้ลง และมีการทดลองในสัตว์พบว่าการได้รับ สังกะสี และ NAC ช่วยลดความเป็นพิษของAZTได้เช่นกัน แต่ยังไม่มีการศึกษาในมนุษย์
Coenzyme Q10 ก็เป็นอีกสารหนึ่งที่พบว่ามีระดับต่ำลงในผู้ติดเชื้อHIV มีการทดลองเล็กๆชิ้นหนึ่งพบว่า แปดสิบสาม%ของผู้ป่วยที่ได้รับ coQ10 200mg ต่อวันนั้นไม่มีการติดเชื้อแทรกซ้อนมากกว่าเจ็ดเดือนขึ้นไป และมีสามรายที่มีระดับเม็ดเลือดขาวสูงขึ้น
เขียนโดย eaknarak ที่
8/30/2009 10:59:00