วันที่: 11-08-2010
มะเร็งบริเวณศีรษะและลำคอ
เมื่อกล่าวถึงโรคมะเร็งบริเวณศีรษะและลำคอแล้ว เชื่อว่าหลายๆ คนคงไม่ได้รับทราบข้อมูลในเรื่องนี้เท่าไรนัก เนื่องจากโรคนี้อาจไม่ได้เป็นมะเร็งที่พบมากในอันดับต้นๆ แต่ไม่ว่าจะพบมากหรือน้อยผู้ป่วยก็ควรที่จะไ้ดรับการดูแลอย่างดีที่สุด ผมจึงลองรวบรวมข้อมูลมาให้ศึกษากันดูแนะครับ
การรักษามะเร็งบริเวณศีรษะและลำคอมีวิธีใดบ้าง แต่ละวิธีมีข้อดีหรือข้อเสียอย่างไร
วิธีการรักษามะเร็งบริเวณศีรษะและลำคอมีหลายวิธี เช่น การผ่าตัด การฉายรังสี และเคมีบำบัด ซึ่งการใช้การรักษาจะใช้วิธีใดขึ้นอยู่กับหลายปัจจัย เช่น ชนิด ตำแหน่ง และขนาดของมะเร็ง ระยะของโรค รวมทั้งสภาพร่างกายของผู้ป่วย เป็นต้น ซึ่งการรักษาแต่ละวิธีก็จะมีข้อดีและข้อเสียแตกต่างกันไป กล่าวคือ
โดยทั่วไปการรักษามะเร็งบริเวณศีรษะและลำคอส่วนใหญ่ใช้การผ่าตัดและฉายรังสี แต่อาจใช้เคมีบำบัดร่วมด้วย ซึ่งแพทย์จะอธิบายเกี่ยวกับโรคที่เป็นอยู่และแนะนำวิธีการรักษาที่เหมาะสม สำหรับผู้ป่วยแต่ละราย
วิธีการรักษาข้างต้นมีผลกระทบต่อผู้ป่วยและส่งผลต่อการรักษาอย่างไรบ้าง
เนื่องจากผู้ป่วยมักมาพบแพทย์เมื่อมีอาการมากแล้ว การรักษาจึงมักต้องใช้หลายวิธีร่วมกัน ซึ่งผลข้างเคียงก็จะมากขึ้นด้วย โดยเฉพาะผู้ป่วยที่ฉายรังสีร่วมกับเคมีบำบัดจะพบผลข้างเคียงระยะหลังๆที่ สำคัญคือ ปัญหากลืนลำบากที่อาจนำไปสู่ภาวะขาดอาหาร ทำให้แพทย์ต้องใส่สายทางจมูกหรือเจาะหน้าท้องใส่สายเพื่อให้ผู้ป่วยได้รับ อาหารมากขึ้น โดยมีผู้ป่วยประมาณร้อยละ 10-15 ที่ต้องใส่สายดังกล่าวไปตลอด นอกจากนี้ยังพบว่ามีผู้ป่วยที่ทนต่อผลข้างเคียงจากการรักษาไม่ได้จนต้องหยุด ยา ทำให้รักษาไม่ต่อเนื่อง ผลการรักษาจึงไม่ดีเท่าที่ควร ปัจจุบันจึงมีทางเลือกใหม่ที่ลดผลข้างเคียงจากวิธีการรักษาอื่นๆ ซึ่งจะช่วยให้ผู้ป่วยทนต่อผลข้างเคียงได้ดีขึ้น ทำให้ผลการรักษาดีขึ้นได้
ทางเลือกใหม่ในการรักษาผู้ป่วยมะเร็งบริเวณศีรษะและลำคอเป็นอย่างไร
ปัจจุบันมียาใหม่ที่สามารถยับยั้งการเจริญเติบโตของเซลล์มะเร็งโดยตรงที่ เรียกว่า ยาที่จำเพาะเจาะจงต่อเซลล์มะเร็ง (targeted therapy) กลไกการออกฤทธิ์ของยานี้คือไปจับกับตัวรับสัญญาณที่กระตุ้นการเจริญเติบโต ของเซลล์มะเร็งซึ่งอยู่บริเวณผิวเซลล์ (epidermal growth factor receptor : EGFR) ทำให้สารกระตุ้นการเจริญเติบโตของเซลล์มะเร็งจับกับ EGFR ไม่ได้ เซลล์มะเร็งจึงไม่สามารถแบ่งตัวหรือเจริญเติบโตได้อีก เรียกว่าเป็นยาต้าน GEFR แบบโมโนโคลนอล แอนติบอดี (anti-GEFR monoclonal antibody) โดยใช้เป็นการรักษาสำหรับผู้ป่วยมะเร็งบริเวณศีรษะและลำคอในระยะลุกลามเฉพาะ ที่ (locally advanced) ร่วมกับการฉายรังสี ใช้เวลาในการรักษาประมาณ 6-7 สัปดาห์ ซึ่งพบว่าให้ผลการรักษาและเพิ่มอัตราการอยู่รอดโดยรวมของผู้ป่วยได้เทียบ เท่ากับการฉายรังสีร่วมกับเคมีบำบัด แต่ผู้ป่วยจะได้รับผลข้างเคียงน้อยลง นอกจากนี้มีการศึกษาที่ตีพิมพ์ในวารสารวิชาการเกี่ยวกับประโยชน์ของการใช้ยา ที่จำเพาะเจาะจงต่อเซลล์มะเร็งร่วมกับการฉายรังสีในผู้ป่วยมะเร็งบริเวณ ศีรษะและลำคอในระยะลุกลามเฉพาะที่เปรียบเทียบกับการฉายรังสีเพียงอย่างเดียว พบว่า ผู้ป่วยที่ได้รับการรักษาดังกล่าวจะมีระยะเวลาในการอยู่รอดนานกว่า มีอัตราการอยู่รอดโดยรวมสูงกว่า ควบคุมการลุกลามของเซลล์มะเร็งและมีการหายจากโรคดีกว่า รวมทั้งมีอัตราการกลับเป็นซ้ำของโรคต่ำกว่า เรียกได้ว่าเป็นทางเลือกใหม่ี่นอกจากจะเพิ่มปประสิทธิภาพการรักษาแล้ว ยังช่วยลดปัญหาความไม่ร่วมมือในการรักษาอันเนื่องมาจากผลข้างเคียงจากยาเคมี บำบัดได้
การรักษาด้วยวิธีนี้มีผลข้างเคียงอย่างไรบ้างและสามารถป้องกันหรือแก้ไขได้อย่างไร
ผลข้างเคียงส่วนใหญ่ที่พบคือ เกิดผื่นคล้ายสิวบริเวณร่างกายหรือใบหน้า ซึ่งจะหายได้เองหลังการรักษา ซึ่งผู้ป่วยอาจใช้ยาทาหรือยารับประทานแล้วแต่กรณีเพื่อแก้ไขปัญหานี้ เช่น หากติดเชื้อแพทย์ก็จะให้ยาปฏิชีวนะด้วย นอกจากนี้การใช้ร่วมกับการฉายรังสีก็จะพบอาการข้างเคียงจากรังสีดังที่กล่าว แล้วข้างต้น ดังนั้นก่อนการรักษาผู้ป่วยจะต้องจัดการปัญหาในช่องปากให้เรียบร้อยก่อน เช่น อุดฟันหรือรักษารากฟัน ระหว่างและหลังการรักษาต้องดูแลสุขภาพช่องปากอย่างดี และควรพบทันตแพทย์ทุก 2-3 เดือนหลังการรักษา โดยทันตแพทย์อาจเคลือบฟลูออไรด์ให้เพื่อสุขภาพฟันที่แข็งแรงขึ้น
การใช้ยาที่จำเพาะเจาะจงต่อเซลล์มะเร็งร่วมกับการฉายรังสีเหมาะกับผู้ป่วยในกลุ่มใดบ้าง
ในผู้ป่วยที่ไม่สามารถทนต่อผลข้างเคียงจากเคมีบำบัดได้เนื่องจากสภาพร่างกาย ไม่แข็งแรงพอ โดยเฉพาะผู้สูงอายุ อาจใช้ยาที่จำเพาะเจาะจงต่อเซลล์มะเร็งร่วมกับการฉายรังสีเพื่อลดผลข้าง เคียงต่างๆ ลง เหตุผลอีกประการคือ การฉายรังสีร่วมกับเคมีบำบัดในผู้ป่วยที่อายุมากกว่า 70 ปี มักให้ผลการรักษาที่ไม่น่าพอใจเท่าที่ควร วิธีนี้จึงถือเป็นทางเลือกที่ดีอีกทางหนึ่ง นอกจากนี้ยังเหมาะในผู้ป่วยที่มีไตไม่ค่อยดี ทำให้ไม่สามารถรับยาเคมีบำบัดได้
คำแนะนำสำหรับผู้ดูแลผู้ป่วยเกี่ยวกับโรคมะเร็งบริเวณศีรษะและลำคอ
ผู้ดูแลสามารถป้องกันหรือบรรเทาผลข้างเคียงจากการรักษาให้กับผู้ป่วยได้โดย การเลือกและเตรียมอาหารให้เหมาะสมกับผู้ป่วย ดูแลสุขภาพช่องปากโดยเลือกผลิตภัณฑ์ที่อ่อนโยนต่อเยื่อบุในช่องปาก เช่น แปรงสีฟันที่มีขนอ่อนนุ่ม ใช้น้ำยาบ้วนปากที่มีส่วนผสมของฟลูออไรด์ ไม่สูบบุหรี่หรือดื่มสุรา พาผู้ป่วยไปพบแพทย์และทันตแพทย์ตามนัด มีส่วนร่วมในการออกกำลังกายเบาๆ สร้างบรรยากาศให้ผู้ป่วยรู้สึกผ่อนคลาย เป็นต้น
ถาม & ตอบ
ถาม: อยากทราบว่าญาติได้รับการวินิจฉัยว่าเป็นมะเร็งที่กล่อมเสียงในระยะที่มีการ ลุกลามเฉพาะที่ (locally advanced) แต่ยังไม่มีการแพร่กระจายไปยังอวัยวะอื่น ควรใช้การรักษาแบบใด และจะต้องรักษาเป็นระยะเวลานานเท่าใด?
ตอบ: การรักษามะเร็งกล่องเสียงในระยะที่มีการลุกลามเฉพาะที่ (locally advanced) โดยที่ยังไม่พบว่ามีการแพร่กระจายของโรคไปอวัยวะอื่น แพทย์จะวางแผนการรักษาเพื่อหวังผลให้หายขาดโดยการควบคุมโรคเฉพาะที่ และลดโอกาสการกำเริบของโรค นอกจากนี้ยังต้องคำนึงถึงคุณภาพชีวิตของผู้ป่วยหลังการรักษาคือ พยายามทำให้ผู้ป่วยมีกล่องเสียงและพูดคุยได้เหมือนปกติ การรักษาหลักซึ่งเป็นมาตรฐานที่ใช้ในปัจจุบันคือการใช้เคมีบำบัดร่วมกับการ ฉายรังสีและให้การผ่าตัดเสริมเฉพาะกรณีที่การตอบสนองของมะเร็งไม่สมบูรณ์ (incomplete response) ซึ่งโดยทั่วไปการรักษาด้วยเคมีบำบัดร่วมกับการฉายรังสีจะใช้เวลาในการรักษา ต่อเนื่องเป็นระยะเวลาประมาณ 6.5-7.5 สัปดาห์ การให้ยาเคมีบำบัดอาจพิจารณาให้แบบชุดทุก 3 สัปดาห์ เป็นจำนวน 3 ชุด หรืออาจให้สัปดาห์ละครั้งเป็นเวลา 6 สัปดาห์ ส่่วนการฉายรังสีจะทำวันละครั้ง สัปดาห์ละ 5 วัน เป็นระยะเวลา 6.5-7.5 สัปดาห์
ถาม: ญาติเป็นมะเร็งบริเวณศีรษะและลำคอ กลัวผลข้างเคียงจากเคมีบำบัด อยากทราบว่าการฉายรังสีร่วมกับการใช้ยาที่ออกฤทธิ์จำเพาะเจาะจงต่อเซลล์ มะเร็ง (targeted therapy) มีผลข้างเคียงน้อยกว่าหรือไม่?
ตอบ: จากข้อมูลการศึกษาวิจัยทางการแพทย์ว่า การฉายรังสีร่วมกับการใช้ยาที่ออกฤทธิ์จำเพาะเจาะจงต่อเซลล์มะเร็ง มีอัตราการเกิดผลข้างเคียงและมีความรุนแรงน้อยกว่าการฉายรังสีร่วมกับการใช้ เคมีบำบัด อย่างไรก็ตามยังไม่มีข้อมูลการศึกษาเปรียบเทียบโดยตรงทางด้านประสิทธิภาพการ รักษาด้วยการฉายรังสีร่วมกับการใช้ยาที่ออกฤทธิ์จำเพาะเจาะจงต่อเซลล์มะเร็ง กับการฉายรังสีร่วมกับการใช้เคมีบำบัด มีเพียงการศึกษาเปรียบเทียบกับการฉายรังสีเพียงอย่างเดียว พบว่ามีประสิทธิผลดีขึ้นแต่ก็มีผลข้างเคียงมากขึ้นเล็กน้อย ในทางปฏิบัติจึงใช้การฉายรังสีร่วมกับการใช้ยาที่ออกฤทธิ์จำเพาะเจาะจงต่อ เซลล์มะเร็งในผู้ป่วยสูงอายุที่ไม่สามารถรับยาเคมีบำบัดได้
ถาม: อยากทราบว่าผลข้างเคียงของการรักษาด้วยการฉายรังสีร่วมกับการใช้ยาที่ออก ฤทธิ์จำเพาะเจาะจงต่อเซลล์มะเร็งมีอะไรบ้าง และจะจัดการกับผลข้างเคียงอย่างไร สามารถรักษาผลข้างเคียงให้หายได้หรือไม่?
ตอบ: ผลข้างเคียงที่อาจเกิดขึ้นจากการรักษาด้วยการฉายรังสีร่วมกับการใช้ยาที่ออก ฤทธิ์จำเพาะเจาะจงต่อเซลล์มะเร็งในผู้ป่วยมะเร็งบริเวณศีรษะและลำคอ ได้แก่ เยื่อบุอักเสบ ผิวหนังอักเสบ เจ็บคอ กลืนลำบาก ส่วนอาการข้างเคียงที่อาจเกิดขึ้นจากยาที่ออกฤทธิ์จำเพาะเจาะจงต่อเซลล์ มะเร็ง คือ มีผื่นลมพิษหรือปฏิกิริยาทางผิวหนังลักษณะคล้ายสิว ผิวแห้งคัน ซึ่งสามารถรักษาได้และจะหายไปหลังจากการรักษา ส่วนอาการข้างเคียงอื่นๆ ที่อาจพบได้บ้าง เช่น มีไข้ หนาวสั่น คลื่นไส้ อาเจียน ปวดศีรษะ หรือหายใจลำบากจากหลอดลมหดตัว เป็นต้น อาจป้องกันโดยให้ผู้ป่วยได้รับยาแก้แพ้ (antihistamine) ก่อนการให้ยา และหากมีอาการแพ้ยาแพทย์ก็จะพิจารณาหยุดการใช้ยาทันที ซึ่งการดูแลรักษาอาการข้างเคียงของยาหรืออาการแพ้ยาที่ถูกต้องจะทำให้ผู้ ป่วยหายกลับเป็นปกติได้
อาหารสำหรับผู้ป่วยมะเร็ง บริเวณศีรษะและลำคอ (คุณแววตา เอกชาวนา นักกำหนดอาหาร)
อาหารของโรคและอาการข้างเคียงจากการรักษามะเร็งบริเวณศีรษะและลำคอ เช่น มีแผลในปาก เคี้ยวอาหารและกลืนลำบาก คลื่นไส้ อาเจียน การรับรสเปลี่ยนไป ระบบภูมิต้านทานลดลง ติดเชื้อง่ายขึ้น ล้วนเป็นปัจจัยที่ส่งผลต่อภาวะโภชนาการของผู้ป่วยและอาจทำให้ผู้ป่วยขาดสาร อาหารได้ การเลือกอาหารที่สะอาด มีประโยชน์และมีคุณค่าทางโภชนาการให้กับผู้ป่วยจึงเป็นสิ่งสำคัญที่จะทำให้ ร่างกายของผู้ป่วยได้รับสารอาหารที่จำเป็นเพียงพอ ช่วยเสริมสร้างความแข็งแรง เพิ่มภูมิต้านทาน ลดอาการข้างเคียง และทำให้แผนการรักษาของแพทย์มีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น
หลักในการเลือกหรือปรุงอาหารที่สำหรับผู้ป่วยมะเร็งบริเวณศีรษะและลำคอ
ตัวอย่างเมนูอาหาร: มัน บด ผัดฟักทอง ซุปสาคู ผัดวุ้นเส้น โจ๊ก ซาลาเปาไส้ครีม เต้าหู้อ่อนนึ่งซีอิ๊ว ปลาต้มเค็ม สตูว์ไก่ ไข่ตุ๋นนมสด ปลาย่าง ผัดบวบใสไข่ จับฉ่าย แกงจืดผักกาดขาว ซุปผักโขม กะหล่ำปลีตุ๋น แกงจืดแตงกวาสอดไส้
การดูแลสุขภาพในช่องปากเมื่อต้องฉายรังสี ข้อมูลจากพ.ต.ต.ทพ.พจนารถ พุ่มประกอบศรี
การ รักษาโรคมะเร็งบริเวณศีรษะและลำคอด้วยการฉายรังสี อาจมีผลต่อฟัน เหงือก ต่อมน้ำลาย และเนื้อเยื่อในช่องปาก ซึ่งสร้างความไม่สบายหรือเจ็บปวดจนทำให้ผู้ป่วยมีการเตรียมตัวและทำความเข้า ใจถึงวิธีการปฏิบัติตัวในการดูแลสุขภาพในช่องปาก ก็จะทำให้ไม่ทรมานจากการเจ็บปวด และมีกำลังใจที่จะต่อสู้กับโรคภัยต่อไป
ผลข้างเคียงในช่องปากจากการฉายรังสี
จากผลการเปลี่ยนแปลงในช่องปากเหล่านี้ อาจทำให้ผู้ป่วยหลายรายขาดกำลังใจ ท้อแท้ต่อการรักษา แต่จริงๆ แล้วสิ่งต่างๆ ที่เป็นผลข้างเคียงนี้เราสามารถควบคุมได้
หมายเหตุ จากที่เคยพบ ฉายรังสีแล้วต่อมน้ำลายผลิตน้ำลายได้น้อยมาก และกลับมาผลิตได้ดังเดิมยากมากๆครับ คุณพ่อของผมต่อมน้ำลายผลิตได้น้อยมาก กลืนอาหารลำบาก จนเสียชีวิตเพราะลามไปที่ตับครับ
ก่อนเข้ารับการฉายรังสี
เมื่อผู้ป่วยทราบว่าจะต้องเข้ารับการฉายรังสี ควรพบทันตแพทย์เพื่อตรวจสุขภาพในช่องปากว่ามีโรคเหงือกอักเสบ ฟันผุ รากฟันค้าง หรือมีฟันต้องถอนหรือไม่ ถ้ามีจะต้องได้รับการรักษาก่อนทุกครั้ง
ระหว่างการรักษาและหลังเข้ารับการฉายรังสี
การดูแลรักษาความสะอาดในช่องปากเป็นเรื่องสำคัญที่ต้องทำให้ดีและสม่ำเสมอ ทั้งในระหว่างการรักษาและหลังเข้ารับการฉายรังสี โดยการ
สำหรับผู้ป่วยที่ใส่ฟันปลอมแบบถอดได้ ให้ตรวจเช็คกับทันตแพทย์ว่าฟันปลอมนั้นยังกระชับอยู่หรือไม่ เพื่อป้องกันการเสียดสีกับเนื้อเยื่อที่อาจทำให้เกิดแผลในช่องปาก ส่วนผู้ป่วยที่ใส่ฟันปลอมแบบติดแน่น จะต้องหมั่นทำความสะอาดให้ดี เพราะเศษอาหารอาจเข้าไปขังอยู่ใต้ฐานฟันปลอมได้
นอกจากนี้ หากผู้ปากมีอาการปากแห้งก็ให้จิบน้ำบ่อยๆ อมน้ำแข็ง หรือเคี้ยวหมากฝรั่ง สำหรับอาหารก็ควรเป็นอาหารที่มีสารอาหารครบทุกหมู่ ลดอาหารพวกทอดกรอบๆ ควรรับประทานอาหารนิ่มๆและอาหารที่ปรุงสุกด้วยการต้ม และสิ่งที่สำคัญที่สุดในผู้ป่วยมะเร็งบริเวณศีรษะและลำคอ คือ ต้องงดเหล้า และบุหรี่อย่างเด็ดขาด
การดูแลสุขภาพช่องปากที่ดีจะทำให้ปากสะอาด ปราศจากการสะสมของแบคทีเรีย ซึ่งจะทำหลีกเลี่ยงจากฟันผุและโรคเหงือกอักเสบได้เป็นอย่างดี นอกจากนี้ควรต้องเข้ารับการตรวจฟันจากทันตแพทย์เป็นประจำ เพื่อจะได้พบสิ่งผิดปกติตั้งแต่เนิ่นๆ และทำการแ้ก้ไขเพื่อป้องกันไม่ให้โรคลุกลามต่อไป
|
|
|