ขอบคุณนะครับที่สนใจสอบถามเข้ามานะครับ เรื่องเกี่ยวกับธรรมชาติบำบัดกับเรื่องการแพทย์แผนปัจจุบันนั้น มีผู้สนใจสอบถามเข้ามามากครับ โดยแต่ละฝ่ายส่วนใหญ่ก็จะโต้แย้งกันนะครับ ว่าของตนดีกว่าฝ่ายตรงข้ามนั้นไม่ดีทำให้คนไข้ทรุดและเสียชีวิตหรือไม่ส่งผลต่อการรักษา
แต่จากประสบการณ์ที่ผมดูแลคนที่บ้านซึ่งเป็นมะเร็งถึง2คน(พ่อและแม่) เราได้ทดลองใช้ทุกแนวเลยนะครับ พอดีที่บ้านพอจะมีฐานะก็เลยทดลองใช้หลายวิธี เราพบว่า ไม่ว่าจะเป็นแบบธรรมชาติบำบัดหรือแบบแผนปัจจุบัน ก็ล้วนมีข้อดีและข้อเสียที่แตกต่างกัน ฉะนั้นเราควรใช้เฉพาะด้านดีและส่งเสริมด้านด้อยของแต่ละวิธี ซึ่งแท้จริงแล้วการรักษานั้น เราต้องการผลลัพธ์มากกว่าคือผู้ป่วยต้องหาย หรือมีอาการดีขึ้น ทุเลาลง หรือสามารถดำรงชีวิตอยู่ได้ตามสมควรของอาการโรคจริงไหมครับ
ถ้าให้คุยเรื่องนี้มันยาวครับ ต้องอธิบายเยอะครับว่าแต่ละด้านดีอย่างไร ด้อยอย่างไร
แบบธรรมชาติบำบัดมีข้อดี คือ
ช่วยลดอัตราการเกิดมะเร็งใหม่ได้ดี
ทำให้ผู้ป่วยไม่เครียดระหว่างการรักษา เพราะรู้สึกไม่เหมือนการรักษา เหมาะสำหรับคนที่กลัวแบบปัจจุบัน
มีผลข้างเคียงน้อยจนสังเกตเห็นได้ยาก หรือไม่มี
ค่าใช้จ่ายต่ำ แต่บางครั้งไม่ได้ได้ต่ำจริงนะ เทียบคุณภาพแล้วบอกยากว่าคุ้มไหม?
ข้อเสียของแบบธรรมชาติบำบัด
ไม่สามารถกำจัดมะเร็งที่มีอยู่แล้วได้อย่างมีประสิทธิภาพชัดเจน
ผู้รู้จริงมีน้อย (ส่วนใหญ่ใช้การรักษาในด้านที่ตัวเองเชื่อมั่น ศรัทธา)
ไม่สามารถตามอาการโรคได้อย่างชัดเจน
ไม่สามารถจัดยาสมุนไพรให้เหมาะสมกับปริมาณของโรคได้ (เช่นถ้าเป็นมากแล้ว เราไม่สามารถทานยาได้มากตามอาการ)
ความสะอาดของแห่งที่มา และการผลิตว่า มีการปนเปื้อนของเชื้อโรค หรือสารพิษอื่นๆในสมุนไพร ซึ่งเป็นผลต่อการทำงานของตับและไตของผู้ป่วยเช่นกัน ทำให้การรักษามะุเร็งยิ่งยากขึ้น
เรื่องมันยาวครับ
ส่วนเรื่อง สารทรานสเฟอร์แฟกเตอร์นั้น รบกวนดูรายละเอียดในเวปเลยครับ ผมเขียนไว้เยอะพอสมควรแล้วครับ แต่ถ้ามีข้อสงสัยเพิ่มเติม โทรสอบถามได้นะครับ 0816516654 จะตอบแบบวิทยาศาสตร์ เป็นเหตุผลนะครับ แบบว่าไร้เหตุผลกินแล้วยังไม่รู้ชะตากรรม อันนี้ ไม่ชอบครับ